โม่เป็นเครื่องมือใช้สำหรับบดเมล็ดพืช เช่น ข้าวสาร ถั่วเขียวให้เป็นแป้ง ทำจากหิน มีหลายขนาด ขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลางส่วนฐานประมาณ 1.5 ฟุต ส่วนขนาดใหญ่สุดใหญ่กว่าขนาดเล็กประมาณ 3 เท่า โม่ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ตัวครกหรือหน่วยครก กับฝาครก ตัวครกมีลักษณะกลม ฐานเรียบ ด้านหนึ่งทำเป็นปากสำหรับให้แป้งไหลลงสู่ภาชนะ ขอบครกด้านนอกสุดหนาประมาณ 7 เซนติเมตร ถัดจากขอบนอกเข้ามาราว 3 เซนติเมตร ทำเป็นแอ่งหรือคลองลึกลงโดยรอบ เชื่อมเป็นระดับเดียวกับปากครก แอ่งนี้กว้างประมาณ 5-9 เซนติเมตร ช่วงกลางของตัวครกยกระดับสูงขึ้นกว่าขอบครกอีกเท่าตัว หน้าตัดทำเป็นฟันคือเซาะร่องกว้างและลึกประมาณ 4 มิลลิเมตร ฟันนี้จะทอดตามแนวรัศมีและมีฟันตามแนวขวาง ตรงกึ่งกลางของหน้าตัดทำเป็นรูกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2 เซนติเมตร สำหรับใส่เดือยเพื่อยึดฝาครกเอาไว้
ส่วนฝาครกทำให้ได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหน้าตัดช่วงกลางครก ความสูงประมาณ 8-12 เซนติเมตร ทั้งนี้แล้วแต่ขนาดของครก ตรงกลางด้านล่างของฝาครกทำรูให้ได้ขนาดสวมรับกับเดือย และตรงหน้าตัดด้านล่างเซาะฟันเช่นเดียวกับตัวครกที่กล่าวมาแล้ว ด้านบนของฝาทำเป็นแอ่งสำหรับรับข้าวที่จะบด ตรงแอ่งนี้เจาะรูทะลุฝาด้านล่างเพื่อให้ข้าวสารตกลงด้านล่างเพื่อบดเป็นแป้งต่อไป ด้านข้างของฝาครกจะเจาะรูสี่เหลี่ยม 1 รู สำหรับใส่ไม้ทำเป็น "มือครก" ครกชนิดนี้เรียกว่า "ครกมือเดียว" แต่ถ้าครกมีขนาดใหญ่จะเจาะ 2 รูสำหรับใส่มือครกเช่นกัน เรียกว่า "ครก 2 มือ"
การทำครกบดด้วยหินจะใช้วิธีสลัก และยังมีครกที่หล่อด้วยซีเมนต์ วิธีหล่อจะขุดดินเป็นเบ้าให้มีลักษณะและขนาดเท่ากับครกที่ต้องการ ความลึกของเบ้าเท่ากับความหนาของตัวครก ปูกระดาษลงในเบ้าแล้วเทซีเมนต์ลงให้เสมอขอบเบ้า ใช้แผ่นเหล็กขดกลมให้ได้ขนาดเท่ากับเส้นผ่าศูนย์กลางของขอบคลองด้านนอก วางกดแผ่นเหล็กนี้ลงให้พอดีเท่ากับความลึกของคลองที่ต้องการ ใช้แผ่นเหล็กขดกลมอีกแผ่นหนึ่งซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหน้าตัวของส่วนที่ทำฟันครกวางลงบนซีเมนต์ที่เทไว้แล้ว จากนั้นเทซีเมนต์ลงในขดแผ่นเหล็กวงในให้ได้ความสูงตามที่ต้องการ ใช้เครื่องมือขูดซีเมนต์ระหว่างแผ่นเหล็กทั้ง 2 ออกให้ลึกตามความลึกของคลองที่ต้องการ เหลาทางไม้ระกำหรือทางสาคูให้ได้ขนาดและความยาวเท่ากับเดือยครกบดที่จะใส่จริงๆ แล้วกดลงตรงกึ่งกลางของเบ้านั้น ผ่าไม้ไผ่ให้ได้ขนาดและความยาวเท่ากับฟันครก วางกดไม้นั้นลงในซีเมนต์ตรงหน้าตัดครก วางครกทิ้งไว้พอหมาด แต่งคลองและส่วนต่างๆ ให้เรียบร้อย
สำหรับฝาครกบดใช้แผ่นเหล็กขดกลมให้ได้ขนาดตามต้องการ วางแผ่นเหล็กนี้ลงบนพื้นดินที่ทุบดินเรียบแน่น ตรงกึ่งกลางเหลาไม้ระกำหรือทางสาคูให้ได้ขนาดเท่ากับเดือยปักลงบนพื้น เหลาไม้เท่ารูครก (รูใส่ข้าวสาร) วางในตำแหน่งของรูครก คืออยู่ข้างเดือยราว 4-6 เซนติเมตร ทำไม้ซี่ครก วางกดกับพื้นดินให้ทรงตัวให้มั่นคง เสร็จแล้วเทซีเมนต์ลงในเบ้านั้น พอซีเมนต์เริ่มหมาดๆ ก็แต่งปากครกให้เป็นแอ่ง จากนั้นทิ้งไว้จนซีเมนต์แห้งสนิท จึงแกะออกจากเบ้าทั้งตัวครกและฝาครก ถอดไม้เดือยครก ไม้รูครกและไม้ฟันครกออก ทิ้งไว้จนซีเมนต์แข็งตัวเต็มที่จึงนำมาแต่งฟันครกและรูครก ตลอดจนส่วนอื่นๆ ให้เรียบร้อย ใส่เดือย ใส่มือครก และบดครกนั้นให้ฟันครกทั้งสองหน้าเรียบสนิท และขจัดซีเมนต์ส่วนที่เกาะตัวไม่แน่นพอให้หลุดออกไปเสียก่อน
การโม่แป้งโดยใช้โม่หรือครกบด จะต้องวางครกบดบนพื้นสูงกว่าพื้นปกติอย่างน้อย 1 ศอก ทั้งนี้เพื่อให้สามารถวางภาชนะรับแป้งจากปากโม่หรือครกบดได้ ข้าวสารที่จะโม่ต้องแช่น้ำให้พอง การโม่ถ้าเป็นครกมือเดียว อาจใช้ผู้โม่คนเดียวหรือ 2 คนก็ได้ ถ้าโม่คนเดียว ผู้โม่ต้องทำหน้าที่ทั้งหมุนโม่และหยอดข้าวสาร ถ้าโม่ 2 คน คนหนึ่งจะทำหน้าที่หมุนโม่ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนหยอดข้าวสาร การหยอดข้าวสารมีเทคนิคที่ควรระวังคือ ถ้าหยอดข้าวสารมากเกินไปและน้ำผสมอยู่น้อย แป้งที่โม่จะหนืด บางครั้งโม่ข้าวสารหลุดออกเป็นเมล็ดๆ ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า "ครกบดมันแค้น" ต้องหยอดน้ำช่วย ถ้าหยอดข้าวสารน้อยและใส่น้ำมาก แป้งจะเหลว ฟันครกบดจะเสียดสีกันมากอาจทำให้ซีเมนต์หรือทรายที่ฟันครกหลุดผสมลงในแป้งได้ เมื่อโม่แป้งเสร็จแล้วจะต้องล้างโม่หรือครกบดให้สะอาด เพื่อมิให้แป้งที่ติดอยู่ตามส่วนต่างๆ ของครก โดยเฉพาะที่ฟันครกและในเดือยครกเกิดการบูดเน่า นอกจากจะล้างทำความสะอาดแล้ว ยังถอดเดือยครกออกอีกด้วย
โม่หรือครกบดในอดีตนั้นเป็นเครื่องมือที่มีใช้กันแทบทุกบ้าน แต่เนื่องจากในปัจจุบันมีแป้งสำเร็จรูปขายตามท้องตลาดซึ่งหาซื้อได้ง่าย ความจำเป็นในการใช้โม่หรือครกบดจึงลดลงไป โม่หรือครกบดจึงค่อยๆ หายไปจากครัวไทยในปัจจุบัน