ปืนยาง



คำอธิบาย

ปืนยางเป็นอาวุธที่ปัจจุบันยังพบเห็นมีใช้กันอยู่ทั่วไป  นิยมใช้ล่าสัตว์ที่มีขนาดเหมาะสมกับลูกดอก  ไม่กำหนดว่าเป็นสัตว์ชนิดใด  เพราะเดิมในพื้นที่ชนบทมีสัตว์ป่ามากมาย  แต่ปัจจุบันนิยมล่ายิงหนูในเวลากลางคืน  โดยใช้หลอดไฟคาดติดที่หน้าผาก  ใช้แบตเตอรี่เป็นพลังงานส่องสว่าง  บริเวณที่มีห้วยคลอง  แม่น้ำ  จะใช้ปืนติดรอก  ผูกกับสายเอ็นไปที่โคนลูกดอก  ใช้สำหรับล่ายิงปลาที่ลอยตัวอยู่ผิวน้ำ
         

ปืนยางมีชื่อเรียกหลายชื่อ  เรียกปืนยาง  เพราะใช้ยางหนังสะติ๊กเป็นส่วนประกอบสำคัญ  เรียกปืนผา  เข้าใจว่า  เป็นปืนไม่มีลำกล้องปลายปืนตัด  ลูกดอกพุ่งออกไปปลายติด  มีใช้นานแล้วคู่กับหน้าไม้  จึงเรียกสอดคล้องรวมกันว่า  “ปืนผา  หน้าไม้”  ชาวบ้านในอำเภอปะคำ  อำเภอนางรอง  จังหวัดบุรีรัมย์  เรียก “ปืนเปรียง”  สอบถามประวัติชื่อเรียก  ได้รับคำตอบเพียงว่า  เรียกตามกันมาตั้งแต่โบราณโดยทั่วไปเรียกชื่อเฉพาะว่า  ปืนยิงหนู  เพราะใช้ล่ายิงหนูพุก  หนูท้องขาวโดยเฉพาะส่วนกลุ่มที่อยู่ใกล้ห้วย  คลอง  แม่น้ำ  ปรับเครื่องมือใช้ยิงปลา  เรียกว่า  ปืนยิงปลา  หรือปืนยาวตามวัสดุหนังยางเป็นอุปกรณ์  ใช้ดีดให้ลูกดอกเคลื่อนพุ่งไปสู่จุดหมาย   
          

ปืนยางทำมาจากไม้เนื้อแข็ง  เหลาถากขึ้นเป็นรูปปืนแก๊ป  ยาวจากปลายถึงพานท้ายประมาณ  120-160 เซนติเมตร  สันด้านบนเซาะร่องเป็นรางยาวตั้งแต่ปลายถึงโคนที่คอจับใช้วางลูกดอก  จากปลายปากถัดเข้ามาประมาณ 10 เซนติเมตร  เจาะรูด้านข้างใต้รางทะลุจากด้านหนึ่ง  ทะลุออกไปอีกด้านหนึ่ง  ใช้เหล็กเส้นเล็กที่มีขนาดเท่ารูสอดเข้าที่รูให้ปลายโผล่ออกมาด้านข้างยาวประมาณ 6 เซนติเมตร  ผูกปลายหนังยางติดปลายเหล็กทั้งสองข้าง  ปลายหนังยางอีกข้างหนึ่งมัดด้วยเชือก  ที่โคนล่างถัดลงด้านล่างเจาะรูเหมือนกับรูแรก  ใช้เหล็กเส้นยาว 24 เซนติเมตร  สอดพอดีกับรูดดัดเหล็กด้านข้างพับติดด้านข้างให้ปลายโผ่ลขึ้นด้านบน  แล้วพับดัดลงให้เหล็กแนบติดกับรางร่องลูกดอก  ใช้สำหรับขัดโคนลูกดอก  ใช้เส้นหนังยางผูกปลายเหล็กต่อไปยังตัวปืนที่ตอกตะปูติดไว้ด้านข้าง ส่วนปลายเหล็กที่โผล่ขึ้นมาด้านตรงข้าม  ดัดม้วนเล็กน้อยขึ้นด้านบน  ดัดกลับให้ปลายชี้ไปทางพานท้ายเป็นไก  เมื่อกดลงปลายเหล็กที่ขัดโคนลูกดอกจะขยับ  ยกขึ้นปล่อยให้ลูกดอกพุ่งไปตามรางด้วยแรงดึงดีดของหนังยาง
          

ลูกดอก  ทำจากไม้ไผ่เหลาเป็นเส้นยาวตามขนาดความยาวของราง  ความหนาวางลงในรางได้พอดี  ปลายลูกดอกเป็นเหล็กปลายแหลมมีเงี่ยง  ที่โคนลูกดอกเหลาเป็นปม  เพื่อให้ไกเหล็กคาบขัดให้ลูกดอกอยู่กับที่  ถัดจากปลายโคนขึ้นมาประมาณ  14  เซนติเมตร  บากเนื้อไม้ลงด้านหลังให้เกิดปมเป็นรอยบากหนา  เพื่อให้เชือกที่อยู่ระหว่างหนังยางตรึงไว้
          

ปืนยางจะใช้ยิงหนูพุกหรือหนูท้องขาวเวลากลางคืนในระยะเก็บเกี่ยว  จนถึงประมาณเดือนเมษายน  จะใช้ร่วมกับแสงไฟที่ใช้แบตเตอรี่เป็นพลังงานส่องสว่างต่อสายมายังหลอดไฟที่ผูกติดกลางหน้าผาก หากออกล่ายิงหนูจะวางลูกดอกกลางร่อง ใช้ไกเหล็กคาบ ยึด ขัดที่ปมโคนลูกดอก แล้วดึงหนังยางให้เชือกขัดตรึงอยู่บนปมรอยบาก เมื่อแสงไฟส่องเห็นตัวหนูจะเห็นแสงสะท้อนตาหนูเป็นสีแดง จึงหันปากปืนยางไปที่เป้าหมายใช้นิ้วโป้งกดที่ไก (ไม่ใช้นิ้วชี้เหมือนปืนแก๊ปและหน้าไม้) ปลายเหล็กที่เป็นไกด้านบนจะยกขึ้น ปล่อยให้ลูกดอกพุ่งออกตามแรงดีดของหนังยางไปตามร่องสู่เป้าหมาย
         

ปืนยางใช้เส้นหนังยางเป็นพลังดีดให้ลูกดอกพุ่งไปตามราง ความแม่นยำหวังผลจึงมีน้อยกว่าปืนแก๊ปที่ลูกวิ่งพุ่งตามความยาวในกระบอกเหล็ก ดังนั้น ระยะหวังผลจึงอยู่ประมาณ 10 เมตร ประกอบกับทักษะฝีมือผู้ยิงเป็นสำคัญ