กะเหล็บเป็นภาชนะสานทึบคล้ายกระบุงแต่รูปค่อนข้างแบนทรงสูงกว่า พื้นก้นเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้สะพายติดหลัง ใส่สิ่งของได้อเนกประสงค์
กะเหล็บเป็นของใช้ที่สำคัญของชาวไทดำ ในสมัยก่อน ไทดำซึ่งอยู่ในเขตหัวเมืองฝ่ายเหนือ มักมีกะเหล็บใช้กันเกือบทุกครัวเรือน กะเหล็บที่สานขึ้นจะมีความประณีต ลายละเอียด รูปร่างสวยงามมาก ชาวไทดำโดยทั่วไปให้ความสนใจต่อการจักสานการประดิดประดอยของใช้และเครื่องแต่งกายมากกว่าการสร้างที่อยู่อาศัย เพราะชาวไทดำจะทำการเพาะปลูกแล้วจะอพยพไปหาแหล่งใหม่เรื่อย ๆ ฉะนั้น สิ่งที่นำติดตัวไปด้วย ต้องเป็นของใช้เคลื่อนย้ายได้สะดวก โดยเฉพาะกะเหล็บ ต้องผูกติดหลังเดินทางเสมอ การสานกะเหล็บจึงเป็นงานฝีมืออีกชิ้นหนึ่งของชาวไทดำเพราะต้องใช้เป็นประจำ โดยเฉพาะนำกะเหล็บไปใช้ในพิธีแต่งงานและพิธีกรรมต่าง ๆ
การสานกะเหล็บ ต้องจักตอกสองขนาด คือเป็นเส้นบาง ๆ เพื่อสานส่วนด้านก้นเป็นลายสองหรือลายสาม อีกขนาดหนึ่งจักตอกเส้นเล็กกลมเพื่อสานต่อขึ้นไปส่วนบนจนถึงปากกะเหล็บ เริ่มสานส่วนก้นก่อน เรียกส่วนตอกเริ่มต้นนี้ว่า “ดี” มีเส้นหลักที่สำคัญสานก้นให้มีรูปเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า สานเป็นทรงสูง สานลายสองหรือลายสาม สูงประมาณ ๒๐ เซนติเมตร จากนั้นสานด้วยลาย “ไพรยักคิ้ว” คือสานสลับกัน ชาวบ้านเรียก “ลายยักคิ้ว” แต่ชาวไทดำเรียกว่า “ลายกะเหล็บ” สานส่วนป่องออกเหมือนโอ่งน้ำปลายงุ้มเข้า ใช้ไม้ไผ่รัดเป็นวงกลม ถักหวายให้แน่นทำเป็นปากกะเหล็บ มีเส้นหวายรองก้นกะเหล็บเพื่อใช้ได้ทนทานยิ่งขึ้นและผูกหวายทำหูร้อยเชือกสามหู สะพายข้างหลังได้สะดวก
ในเวลาเดินทาง กะเหล็บนอกจากจะใส่ของใช้เป็นเสื้อผ้า แป้ง ข้าว ของกิน ผัก ผลไม้ และเมล็ดพืชในการเพาะปลูกแล้ว ยังใช้ในพิธีแต่งงาน โดยใช้กะเหล็บเป็นขันหมากของฝ่ายเจ้าบ่าว ภายในกะเหล็บจะใส่หมากพลู เมื่อเจ้าบ่าวสะพายกะเหล็บไปถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว เจ้าสาวจะรับกะเหล็บไปวางไหว้ผีบ้านผีเรือนพร้อมกับเจ้าบ่าว เมื่อคู่บ่าวสาวไหว้เสร็จจะนำหมากพลูในกะเหล็บให้คนเฒ่าคนแก่ที่มาร่วมในพิธีเคี้ยวกิน พร้อมขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลในการครองชีวิตคู่ การใช้กะเหล็บในพิธีแต่งงาน ใช้แตกต่างกันตามฐานะของเจ้าบ่าว หากเจ้าบ่าวเป็นผู้ท้าว หมายถึง ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ จะใช้กะเหล็บสี่ใบ ถ้าเป็นคนธรรมดา ใช้กะเหล็บสองใบ ปัจจุบัน ชาวไทดำยังใช้กะเหล็บในพิธีแต่งงานอยู่ ปกติมักใส่เสื้อผ้าหรือเมล็ดพืชสะพายติดหลังออกไปทำไร่มากกว่าใช้ทำอย่างอื่น