เบ็ดปลานา เป็นเบ็ดที่ใช้อย่างแพร่หลาย ในท้องทุ่งนาปักโคนคันเบ็ดไว้ริมคูคันนา เกี่ยวเหยื่อไส้เดือน หย่อนลงน้ำในแปลงนา ใช้ล่าดักจับปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ ที่หากินในช่วงกลางฤดูฝนมีน้ำมาก ข้าวตั้งท้อง แตกกอ
ชาวบ้านจะทำคันเบ็ดเตรียมไว้ก่อนหน้าฝน โดยตัดไม้ไผ่เป็นท่อนยาวประมาณ 90 เซนติเมตร เสี้ยมปลายโคนแหลม แล้วเหลาเอาเนื้อไม้ด้านในออก เหลาให้เรียบแบนไปที่ปลายอีก 40 เซนติเมตร บากปลายเล็กน้อย เหลาเตรียมไว้เป็นจำนวนมาก จากนั้นจึงกวาดเศษไม้ไผ่จุดไฟเผา นำคันเบ็ดมาอังไล่ความหวานและความชื้นในเนื้อไม้ออก จากนั้น จึงนำขึ้นวางทิ้งไว้บนตะแกรง ไม้ไผ่ที่ถูกผูกติดไว้เหนือเตาไฟ เพื่อให้ความร้อนจากไฟที่ก่อขึ้นหุงหาอาหารเวลาเช้าเย็นไล่ความหวานและความชื้นอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งให้ควันไฟรมเนื้อไม้ให้แห้งแข็งแรง ทนทาน ป้องกันปลวก มอด แมลงเจาะกินเนื้อไม้ ซึ่งต่างจากเบ็ดที่ซื้อหามาจากท้องตลาด แบ่งขายเป็นมัด มัดละ 100 คัน หากซื้อมาแล้วเคาะลงกับพื้นแข็งๆ จะเห็นขุยไผ่ ขี้มอดฟุ้งกระจาย แสดงว่าไม่ผ่านกระบวนการรักษาเนื้อไม้แบบชาวบ้านที่ทำขึ้นใช้เอง เมื่อเข้าฤดูฝนก็จะนำลงตะแกรง ใช้เชือกผูกเป็นหูที่กลางคันเบ็ด เพื่อให้ตัวเบ็ดเกี่ยวขณะไม่ใช้ ที่ปลายคันเบ็ดจะผูกมัดด้วยเอ็น ปลายเอ็นอีกข้างจะผูกมัดที่โคนเบ็ด ซึ่งมีขนาดเล็กตีแผ่นบาง แล้วผูกเชือกด้วยเงื่อนตะกรุดเบ็ดก่อนจึงผูกมัดอีกรอบหนึ่งให้แน่น เงื่อนตะกรุดเบ็ดจะใช้ผูกมัดกับวัตถุอื่นๆ ทั่วไป ผูกแล้วไม่หลุดง่าย คำว่า “ตะกรุด” เชื่อว่ามาจากจอมขมังเวทย์ จารอักขระลงบนแผ่นตะกั่วหรือทองแดง จากนั้นก็จะม้วนแผ่นตะกั่วแล้วใช้เชือกผูกเงื่อนนี้ ตั้งแต่ปลายพร้อมทั้งบริกรรมสวดท่องคาถาอาคมเรื่อยไปจนถึงปลายอีกข้างหนึ่ง สิ่งที่ได้คือ ตะกรุดที่สมบูรณ์ เงื่อนนี้ในวิชาลูกเสือต้องเรียนรู้เป็นบทเรียนฝึกหัด แรกๆ เรียก “เงื่อนตะกรุดเบ็ด”
เบ็ดปลานา ใช้คราวละหลายๆ คัน มีชาวบ้านหลายคนหาปลาเป็นอาชีพเสริมจะใช้คันเบ็ดนับ 200-300 คัน ใช้เหยื่อไส้เดือนเกี่ยวเบ็ด วางเรียงกันบนริมคันนา ห่างกันประมาณ 3 เมตร เป็นบริเวณกว้างทั่วท้องทุ่ง หากปลาชุมวางได้เพียง 5-10 คัน เบ็ดคันแรกๆจะติดปลา ดังนั้น เบ็ดจำนวน 300 คัน จึงต้องวางกู้เก็บปลา เปลี่ยนเหยื่อตลอดคืน