กะทอ



คำอธิบาย

กะทอเป็นภาชนะสำหรับใส่สิ่งของหลากหลายชนิด มีรูปร่างเหมือนผลฟัก ทรงกระบอก สูงประมาณศอกเศษหรืออาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าก็มี ตามสิ่งของที่ต้องการใส่ ไม่ค่อยมีความมั่นคงแข็งแรงนัก มักจะใช้ใส่สิ่งของชั่วครั้งชั่วคราว
การสานกะทอจะใช้ตอกไม้ไผ่มาสานเข้าด้วยกันด้วยลายขัดเป็นตาห่างๆ ให้เป็นทรงกระบอกให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ ส่วนปากกะทอจะใช้ตอกสานเป็นแผงลายขัดขนาดเล็กให้เป็นตารางเล็กๆ เพื่อใช้เปิดปิดหรืออาจจะใช้ใบไม้แทนก็ได้
กะทอนั้นเดิมนิยมใช้กันอยู่ในบริเวณภาคเหนือและภาคอีสาน โดยจะเอาไว้ใส่ของเช่น นุ่น ฝ้าย ถ่าน หรือสิ่งของที่มีขนาดใหญ่ แต่หากจะใช้ใส่สิ่งของที่มีขนาดเล็กอย่างเช่นเกลือ ก็จะมีการกรุภายในกะทอไว้ด้วยใบไม้เช่นใบสักหรือใบตองตึงเพื่อไม่ให้สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในรั่วไหล
ชาวพวนจะนิยมใช้กะทอไว้สำหรับใส่ถั่วดินหรือถั่วลิสง เมื่อบรรจุถั่วดินจนเต็มแล้วใช้ตอกสานเป็นแผงปิดปากกะทอ แล้วใช้เชือกผูกที่ก้นกะทอไว้ที่ขื่อบ้านโดยหันด้านปากกะทอคว่ำลง ซึ่งการนำถั่วลิสงที่ยังไม่ได้แกะฝักใส่กะทอแล้วแขวนไว้ จะช่วยให้ถั่วลิสงแห้ง ไม่เป็นเชื้อรา เพราะกะทอมีช่องขนาดใหญ่ช่วยช่วยระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้การแขวนไว้บนขื่อบ้านจะทำให้ถั่วถูกควันไฟจากเตาไฟในครัวเรือนอยู่เป็นประจำช่วยให้ไม่ขึ้นรา
 มีการกล่าวถึงกะทอในเรื่องเล่าขำขันเชิงคติสอนใจของชาวถิ่นอีสานเรื่อง "หลวงพ่อกะทอเกลือ" ความว่า นานมาแล้วมีหลวงพ่อองค์หนึ่งได้รับนิมนต์ไปเทศน์ที่บ้านหนองอีหมัน  หลวงพ่อเทศน์ได้ถูกใจชาวบ้านจึงได้สิ่งของที่ชาวบ้านถวายมามากมายเก็บใส่หลังมาจนเต็ม  จนล้น  หลวงพ่อเดินทางกลับมาวัด ระหว่างทางม้าที่แบกของที่ชาวบ้ายถวาย เริ่มแบกไม่ไหวเดินช้าลง ช้าลง หลวงพ่อก็เลยคิดจะแบ่งของบนม้าเก็บซ่อนไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาเอาทีหลัง ดูแล้วของที่หนักกว่าเพื่อนก็คือกะทอเกลือ หลวงพ่อเลยเอาลงจากหลังม้า หาที่ซ่อน ตรงไหน ตรงไหนก็ไม่ถูกใจหลวงพ่อเพราะว่ากลัวคนเห็นแล้วจะขโมยไป หลวงพ่อก็เลยเอาไปซ่อนไว้ในหนองน้ำแล้วก็เดินทางกลับวัดผ่านไป 2-3 วัน หลวงพ่อก็เลยพาเณรน้อยกลับมาเอากะทอเกลือ ลงไปในหนองน้ำก็เห็นแต่กะทอเปล่า หลวงพ่อก็เริ่มโกรธ “ใครบังอาจมาขโมยของกู ถ้าหาตัวเจอกูจะตบกลางหูมัน” ว่าแล้วหลวงพ่อก็เลยให้เณรน้อยไปหาอะไรมาวิดน้ำออกจากหนองจนหมด เห็นปลาดุกมากมาย เณรน้อยเลยบอกหลวงพ่อว่า “ปลาพวกนี่แหละมันกินเกลือของหลวงพ่อ ตบรูหูมันเลย ถ้าเป็นปลาช่อนให้ต้อนมาให้ผม ผมจะตบหูมันเอง  ถ้าเป็นปลาดุกให้หลวงพ่อตบรูหูมันเองนะ”  หลวงพ่อเห็นปลาช่อนก็ต้อนไปหาเณรน้อย พ่อหลวงพ่อมองไปเห็นปลาดุกหลวงพ่อก็ตบหูรูมันจนหมด แล้วหลวงพ่อก็ได้ร้องขึ้นสุดเสียง เพราะว่าเงี่ยงปลาดุกปักมือหลวงพ่อเลือดออกเต็มมือ