คำอธิบาย
นกคุ่มเป็นชื่อเรียกนกชนิดหนึ่ง ตัวป้อมมีขนาดโตเท่าลูกไก่บ้าน อายุประมาณ 20 วัน ขนสีน้ำตาลเทา มีลายพาดเป็นแถบริ้วที่ปีกข้างลำตัว ที่แก้มมีจุดประสีขาวบนพื้นสีดำ ขนใต้ท้องสีน้ำตาลอ่อน ตัวเมียใต้คางมีสีดำ ปากยาว ปีก หาง ขาสั้น ขาแต่ละข้างมีนิ้วเท้าด้านหน้าสามนิ้ว นิ้วหลังไม่มี วางไข่ คุ้ย เขี่ยหาปลวก แมลงและเมล็ดพืชบนพื้นดิน บริเวณพุ่มไม้เตี้ยโล่งหรือหากินในทุ่งนาระยะข้าวสุกเริ่มเก็บเกี่ยว เมื่อได้รับอาหารสมบูรณ์ เดือน 3 เดือน 4 มีฝนตก อากาศสดชื่น ต้นหญ้าแตกใบระบัด นกตัวเมียจะอืดร้องเสียงนุ่มนวลไพเราะ นกคุ่มตัวผู้จะดูแลเลี้ยงลูกเป็นอย่างดี หากมีศัตรูเข้ามาทำร้ายลูก พ่อนกจะแกล้งทำปีกหัก ขาหัก นอนดิ้น กลิ้งอยู่ใกล้บริเวณนั้น ให้ศัตรูหันเหออกจากลูกมาสู่ตัวเอง เปิดโอกาสให้ลูกได้หลบหนีออกไป
นกคุ่มเป็นสัตว์ปีกที่ไม่มีอาวุธหรือมีความสามารถในการบินเหมือนนกชนิดอื่น จะบินเฉพาะเมื่อตกใจ บินขึ้นระยะสั้นๆ แล้วบินลง ธรรมชาติจึงสร้างให้มีความสามารถในการหลบลี้ ซุ่มซ่อน อาศัยสีขนแฝงตัวกับกิ่งไม้ใบไม้ หญ้าแห้งกลมกลืนอย่างแนบเนียน หากนำมาเลี้ยงไว้จนเชื่องคุ้นจะส่งเสียงร้องอืดให้เพลิดเพลินใจ ชาวบ้านเชื่อกันว่า หากได้นกคุ่มที่ดีมาเลี้ยงไว้ นับว่าเป็นมงคล คุ้มครองป้องกันให้แคล้วคลาดจากเภทภัยอันตรายใดๆ ได้ เพราะ มีชื่อและสัญชาตญาณในการหลบหลีก แอบซ่อนนี้เอง ความเชื่อทางไสยศาสตร์ จึงใช้เข็มจุ่มหมึกดำสักเป็นรูปนกคุ่มบนผิวหนัง พร้อมกำกับอักขระคาถา เชื่อว่าจะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย มีเสน่ห์ เมตตามหานิยม
ชาวบ้านจึงนิยมดักต่อนกที่มีลักษณะที่ดี โดยเฉพาะนกตัวเมีย เพราะนกตัวเมียจะร้องอืดมีสีสวยงามมากกว่านกคุ่มตัวผู้ นกคุ่มตัวผู้ที่โชคร้ายจะใช้เป็นอาหารของผู้คนต่อไป
นกต่อคือนกคุ่มตัวเมียที่ดักจับได้นำมาเลี้ยงไว้จนเชื่อง ในกรงเล็กๆ เรียก ตุ้มนกคุ่ม เพื่อฟังเสียงร้องอืดและใช้เป็นนกต่อ โดยห้อยแขวนไว้ในชานเรือน หรือใต้ถุนที่ร่มและจะนำไปใช้ต่อนกโดยมีซิงเป็นอุปกรณ์ใช้ดัก
ซิงนกคุ่ม มีลักษณะแบบเดียวกันกับซิงกระต่ายแต่มีขนาดเล็กกว่า ทำจากไม้ไผ่เหลาเป็นเส้นกลม ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร เป็นโครงไม้มีโคนหนาเสี้ยมปลายแหลม ใช้เสียบยึดดินและยืดหูตาข่าย เหนือปลายโคนประมาณ 10 เซนติเมตร คอดเล็กน้อย ถักตาข่ายออกจากหูห่วงลวดให้มีความกว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร มีตาห่างประมาณ 3 เซนติเมตร ผูกเชือกคร่าวๆ ที่ขาโครงข้างหนึ่ง แล้วร้อยลอดห่วงต่อไปที่ตาข่าย ด้านบนไปที่ห่วงแล้วผูกที่ขาโครงอีกข้างหนึ่งเมื่อต้องการเก็บซิงก็จะใช้ปลายโครงไม้ สอดยึดกับห่วง โครงขาจะดึงตาข่ายให้ตึง แล้วผูกรวมกันได้ครั้งละหลายๆ อัน
วิธีการใช้ มีวิธีการใช้หลายวิธีหลายรูปแบบ โดยเริ่มดักในช่วงเริ่มเก็บเกี่ยวไปถึงฤดูร้อนเดือน 5 บางครั้งพบว่า มีนกคุ่มเข้ามาหากินในนาข้าว ชาวนาก็จะวางซิงตามช่องระหว่างโคนกอข้าว โดยนำตาข่ายออกปักวางปลายไม้โครงเสียบดิน แล้วใช้วางพาดด้านบนปิดขวางระหว่างโครง จากนั้นก็อ้อมมาเกี่ยวข้าวอีกข้างหนึ่งมุ่งหน้าเข้าหาซิง การเกี่ยวข้าวจะเกี่ยวครั้งละหลายๆ คน เสมือนการต้อนนกคุ่มวิ่งไปข้างหน้าเข้าซิง การเกี่ยวข้าวก็เกี่ยวเป็นปกติ นกไม่ตื่นบินแต่จะลัดเลาะใต้กอข้าวเข้าติดซิง
วิธีดักไล่ อาจใช้คนๆ เดียวหรือหลายคนก็ได้ เมื่อพบว่าบริเวณดังกล่าวมีนกคุ่มป่าอาศัยอยู่ อ้อมออกไปด้านหน้า วางซิงโดยการปักวางไม้โครงห่างๆ กันตามช่องทางที่คาดคะเนว่านกจะต้องผ่าน เส้นทางที่ดักหากมีช่องดักกว้างก็จะใช้กิ่งไม้วางปิดกั้น เรียก “กันเพียด” จากนั้น จึงอ้อมกลับด้านหลังใช้ไม้ตีพุ่มไม้ไล่ลงในพุ่มไม้ ตีดะไปเรื่อยๆ แต่ไม่ควรให้นกตื่นเพราะนกอาจจะบินข้ามซิง นกจะวิ่งลัดเลาะและในที่สุดจะวิ่งเข้าชนซิงโดยชนตาข่ายลอดเข้าหว่างขาซิง หูตาข่ายจะรูดรวบนกติดอยู่ภายใน
การใช้นกต่อ ผู้ดักจะต้องใช้ซิงหลายอันช่วยในการดักต่อโดยนำนกต่อที่อยู่ในตุ้ม คลุมผ้าเดินเข้าป่าที่มีนกคุ่มอาศัยอยู่เมื่อเลือกสถานที่ที่มีนกคุ่มหากินหรือร้องอืด ก็จะห้อยแขวนนกต่อในพุ่มไม้เตี้ยๆ ใช้นกเป็นจัดศูนย์กลางแล้ววางซิงด้วยวิธีเดิม วางซิงโดยรอบเป็นรัศมีห่างจากนกต่อประมาณ 6 – 7 เมตร ถ้ามีช่องว่างมากก็วางเพียดช่วย จากนั้น ก็เปิดผ้าคลุมแล้วออกนอกพื้นที่ห่างๆ ฟังนกต่ออืดร้อง และ ฟังนกป่าอืดร้องรับนกที่อยู่โดยรอบจะวิ่งเข้าหานกต่อ นกคุ่มตัวเมียจะเข้าจิกตี นกตัวผู้จะวิ่งเข้าหา จึงเข้าติดซิง
วิธีดังกล่าวอาจได้นกมาครั้งละสองตัว แต่หากนกคุ่มชุมก็จะได้มากกว่านั้น ชาวบ้านก็จะเลือกนกตัวเมียที่มีสีสวยงามตามลักษณะความเชื่อเลี้ยงไว้ อืดร้องเป็นนกต่อใช้ล่อนกต่อไป ส่วนนกตัวผู้หรือนกที่ไม่เข้าลักษณะ อาจใช้ประโยชน์ไปทางอื่น